วิ่งมาตั้งนานทำไมยังไม่ผอมสักที?

TIPS: 1 กรกฏาคม 2020

มาดูสาเหตุที่ทำให้คุณวิ่งเท่าไหร่ก็ยังไม่ผอมลง

“วิ่งแล้วแต่ยังกินอาหารผิดๆ"

หากใครที่คิดว่าตัวเองวิ่งออกกำลังกายแล้ว ฉันจะกินอะไรก็ได้ นั่นถือเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก ไม่ได้แปลว่าคุณจะกินอะไรทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารขยะ ขนมหวานต่างๆ หรือการโหลดคาร์โบไฮเดรตของนักวิ่ง (carb-loading) ที่ส่วนใหญ่เอาไปใช้เป็นพลังงานขณะวิ่งระยะไกลมากๆ เช่น มาราธอน หรือฮาล์ฟมาราธอน ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมและระยะเวลาที่ใช่ด้วย ไม่งั้นถ้ากินเข้าไปมากเกินก็จะกลายเป็นไขมันสะสม ควรเลือกกินอาหารให้เหมาะสมต่อร่างกายด้วย

“วิ่งเหมือนเดิมทุกวัน”

ต่อให้การวิ่งเป็นการออกกำลังที่ช่วยเผาผลาญได้ก็เถอะ ถ้าคุณยังวิ่งในรูปแบบเดิมๆทุกวัน เช่น วิ่งบนลู่วิ่งความเร็วเท่าเดิมคงที่ตลอด หรือ การออกไปวิ่งด้านนอกแต่ทำได้ในระยะเดิมๆไม่ท้าทายตัวเอง ก็จะเหมือนการย่ำอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน เพิ่มการออกกำลังกายหรือลดหย่อนบ้างเพื่อให้ร่างกายได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อเป็นการเผาผลาญและเบิร์นไขมันได้ดี และเห็นผลได้มากขึ้น

“ส่วนใหญ่มักจะเพิ่มระยะทาง แต่ไม่ค่อยเพิ่มความเร็ว"

ส่วนใหญ่แล้วจะคิดกันว่าวิ่งมากก็ยิ่งเบิร์นออกมาก มันไม่ถูกต้องเลย ร่างกายของเรานั้นจะปรับสภาพแล้วรับอะไรแบบเดิม เหมือนข้อที่แล้วที่บอกว่าวิ่งซ้ำๆเดิมๆ จะเหมือนการวิ่งอยู่กับที่ แต่การวิ่งเยอะจะเหมือนให้ร่างกายได้ปรับสภาพและเพิ่มความอึดทนทานให้เรา แทนที่เราจะได้เบิร์นไขมันออก ดังนั้นไม่ควรซีเรียสกับระยะทางที่เพิ่มขึ้นแต่ควรเพิ่มกิจกรรมให้ตัวเอง โดยการวิ่งสปรินต์บ้าง แค่วิ่งสลับเพียง 30-40 วินาที ก็จะพบว่ามันช่วยเผาผลาญไขมันได้มากกว่าการวิ่งไปเรื่อยๆ


ผู้คนส่วนใหญ่มักจะถอดใจกันเป็นแถบๆ เพราะวิ่งแทบตายก็ไม่ยอมผอมกับเขาสักที ช่วงแรกๆที่เริ่มวิ่งก็เหมือนจะผอมลงอยู่ แต่พอนานไป เหมือนทุกอย่างมันคงที่ไม่รู้สึกว่าผอมลงเลย จริงๆแล้วอยากให้เปลี่ยนความคิดใหม่ให้ได้เสียก่อนและการปรับปรุงเรื่องการวิ่งและอาหารการกินก็เป็นเรื่องใหญ่ หากคุณเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างวินัยให้กับตัวเองได้ รับรองว่าเห็นผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน