ภาวะขาดน้ำที่นักวิ่งต้องระวัง!!

TIPS: 31 กรกฏาคม 2020

5 สัญญานเตือนจากภาวะขาดน้ำที่อันตรายต่อนักวิ่งและวิธีดื่มน้ำให้ถูกต้อง

1."หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ"

ในบางครั้งที่คุณลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพบว่าเกิดอาการ หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม อาการพวกนี้เกิดจากภาวะความดันโลหิตตกจากท่ายืน เลือดส่งไปเลี้ยงศีรษะไม่เพียงพอ หากคุณออกกำลังกายอย่างหนักแล้วพบว่าตัวเองมีอาการดังกล่าวให้ระมัดระวัง เพราะนี่คือสัญญาณเตือนจาก"ภาวะขาดน้ำ”

2."กระหายน้ำ ปากแห้ง"

เมื่อไหร่ที่รู้สึกปากแห้ง นั่นเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าคุณเริ่มสูญเสียน้ำ บางครั้งอาการนี้อาจมีส่วนทำให้คุณรู้สึกปวดหัวด้วยเล็กน้อย เพราะฉะนั้นก่อนเริ่มวิ่งควรจิบน้ำหรือไม่ก็พกน้ำไปวิ่งด้วย

3.”ปัสสาวะน้อยและมีกลิ่น” 

หากคุณเข้าห้องน้ำแล้วพบว่าปัสสาวะน้อย มีกลิ่นฉุนและสีเข้ม นั่นแสดงว่าคุณคุณอยู่ในสภาวะที่ร่างกายขาดน้ำ แถมยังเพิ่มภาระการทำงานของไตด้วย ควรรีบหาน้ำมาดื่มเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกายโดยด่วน

4.”อัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น” 

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น นั่นแสดงว่ามันกำลังรักษาระดับความดันเลือดที่ลดลง หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้น นั่นคือสัญญานเตือนว่าร่างกายของเรากำลังเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ ขั้นนี้ถือว่าอันตรายมาก หากคุณกำลังวิ่งอยู่ในสนามแข่งขันให้คุณรีบเข้าไปยังจุดปฐมพยาบาลเพื่อตรวจเช็คอาการทันที

5.”ใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายนานกว่าเดิม”

หลังประสบปัญหาการขาดน้ำ ร่างกายของคุณจะใช้เวลาในการฟื้นฟูที่นานขึ้น แถมยังมีอาการล้าหรือตะคริวตามมาอีกด้วย ในช่วงพักฟื้นให้คุณค่อยๆบริหารร่างกายและปรับปรุงเรื่องการดื่มน้ำ ดื่มน้ำให้อยู่ในมาตรฐานที่กำหนดต่อวัน เพื่อการฟื้นฟูร่างกายที่ดี

วิธีดื่มน้ำให้ถูกต้อง

ควรดื่มน้ำประมาณ 200 cc ก่อนวิ่ง 1 ชั่วโมง นอกจากป้องกันภาวะขาดน้ำแล้ว ยังป้องกันการปวดปัสสาวะขณะวิ่งได้ หากเป็นการวิ่งระยะสั้น ให้ดื่มน้ำทดแทนกับปริมาณเหงื่อที่เสียไป ระมัดระวังการดื่มน้ำมากเกินไปตอนที่รู้สึกเหนื่อยจัด อาจทำให้จุกได้ แต่ถ้าเกิดวิ่งในระยะยาว ควรเพิ่มการดื่มน้ำเกลือแร่ชดเชย โดยที่เกลือแร่นั้นไม่ควรมีน้ำตาลเกิน 8% เพราะจะช่วยลดความเมื่อยล้า และอาการตะคริว ส่วนน้ำที่ไม่ควรดื่มก่อนวิ่ง ก็จะเป็นจำพวก น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มผสมกะทิ เครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้คุณรู้สึกอึดอัด ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เท่านี้ก็จะทำให้สุขภาพคุณดีขึ้นต่อการวิ่งแล้วครับ


สรุปทั้งหมด

เมื่อไหร่ก็ตามที่เจออาการเหมือนที่กล่าวไปในข้างต้น ไม่ว่าหนักหรือเบา ก็ไม่ควรวางใจนะครับ เพราะทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณอันตรายที่ได้มาเตือนคุณแล้ว ดังนั้นควรให้ความใส่ใจกับเรื่องการดื่มน้ำ ว่าแต่ละวันเราควรดื่มมากแค่ไหนเพื่อให้เหมาะกับร่างกายของตัวคุณเอง หากทำตามวิธีที่ถูกต้องเรื่องของอาการ “ภาวะขาดน้ำ”จะไม่มารบกวนใจคุณในการวิ่งแน่นอน