นักวิ่งควรรู้! 6 วิธีการเตรียมตัวก่อนเริ่มวิ่ง Virtual Run

TIPS: 19 August 2021

ในโลกที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีเข้ามาสร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ  ในเรื่องของการวิ่งก็เช่นกัน ที่ปัจจุบันมีการพัฒนางานวิ่งมาราธอนเข้ามาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อว่า ‘Virtual Run’

ในช่วงนี้นักวิ่งหลายๆ คนต่างก็เริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับ Virtual Run กันมากขึ้น แต่สำหรับนักวิ่งบางท่านอาจจะยังไม่ทราบหรืออยากวิ่ง Virtual Run แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี วันนี้ WIRTUAL จะมาแนะนำ 6 วิธีการเตรียมตัวก่อนเริ่มวิ่ง Virtual Run สำหรับผู้ที่อยากวิ่งแต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี

6 วิธีการเตรียมตัวก่อนเริ่มวิ่ง Virtual Run

1.เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

ภาพจาก ookpaiwing

ในตอนแรกสิ่งที่นักวิ่งต้องเตรียมคือ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือหรือสำหรับใครที่สะดวกเป็น Smart Watch ก็ได้เช่นเดียวกัน จากนั้นดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่มีกิจกรรม Virtual Run ซึ่งสำหรับนักวิ่งมือใหม่นั้น ขอแนะนำเป็นแอปพลิเคชัน WIRTUAL เพราะมีชาเลนจ์ให้เลือกหลากหลายและมีชาเลนจ์ที่สมัครฟรี สำหรับผู้ที่อยากทดลองเล่นในช่วงแรกๆ 

ดูรายละเอียดและสมัครชาเลนจ์ได้ทาง ชาเลนจ์ WIRTUAL

2. เลือกเส้นทางการวิ่งที่คุ้นเคย

ภาพจาก thailandfitness

ด้วยความที่ Virtual Run เป็นการแข่งขันวิ่งแบบสะสมระยะทางและระยะเวลาเฉลี่ยในการวิ่ง ดังนั้น เราจึงอยากแนะนำสำหรับนักวิ่งมือใหม่ ให้เลือกเส้นทางที่เราคุ้นชินมากกว่า เพราะถ้าเราเลือกเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย อาจจะทำให้ประสิทธิภาพการวิ่งของเราลดลง ส่งผลให้ระยะทางที่เราวิ่งและระยะเวลาเฉลี่ยนั้นได้ไม่ดีเท่ากับการที่เราวิ่งเส้นทางที่คุ้นเคย หรือสำหรับใครที่ไม่มีสถานที่วิ่งประจำนั้นการวิ่ง Virtual Run สามารถวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าได้โดยจะส่งผลจากการถ่ายภาพหน้าจอบนลู่วิ่งไฟฟ้านั่นเอง

3.ใช้แอปพลิเคชันที่เก็บระยะทางได้ถูกต้อง

ภาพจาก asurion

สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับ Virtual Run คือแอปพลิเคชันในการจับระยะทางและจับเวลาการวิ่ง เพราะถ้าเราไม่จับระยะทางการวิ่งหรือเลือกใช้แอปพลิเคชันที่มีปัญหาเรื่องการคำนวณผิดพลาดนั้น เมื่อเราวิ่งไปถึงเส้นชัยแล้วพบว่าคำนวนระยะทางผิดพลาด อาจจะทำให้เราเสียเวลาในการวิ่งไปฟรีๆ เพราะฉะนั้นจงใช้ตัวช่วยให้มากที่สุด ซึ่งก็คือแอปพลิเคชันจับระยะทางที่มีประสิทธิภาพ เช่น Strava,Fitbit, Garmin และ Suunto 

สามารถอ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันสำหรับการวิ่งได้จากบทความ 9 แอปวิ่งสำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการวิ่ง

4.วางแผนเรื่องอาหารและน้ำดื่ม

ภาพจาก runsociety

Virtual Run ก็เหมือนกับการแข่งวิ่งและการฝึกซ้อมทั่วไป ที่เราจำเป็นต้องวางแผนเรื่องอาหารและการดื่มน้ำให้ดีที่สุด การรับประทานอาหารก่อนที่จะวิ่งและหลังวิ่งนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะตอนที่เราวิ่งนั้น ร่างกายจะดึงพลังงานจากจุดนี้มาใช้ในระหว่างวิ่ง ซึ่งจะทำให้เราไม่เหนื่อย ไม่ล้า แต่ก็ต้องระวังถ้ารับประทานมากไปก็จะทำให้จุกเสียดท้องระหว่างวิ่ง รับประทานน้อยไปก็ทำให้ประสิทธิภาพการวิ่งลดลง และถ้าเรารับประทานอาหารหลังวิ่งไม่ถูกต้องก็อาจจะทำให้กล้ามเนื้อของเราไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่เพียงแค่เรื่องอาหารเท่านั้น การดื่มน้ำระหว่างวิ่งก็สำคัญเช่นกัน เพราะถ้าเราไม่จิบน้ำเลยระหว่างวิ่งก็อาจจะทำให้เรามีภาวะขาดน้ำระหว่าง ดังนั้นในขณะที่วิ่งควรค่อยๆ จิบน้ำไปด้วย เพื่อให้ความสดชื่นแก่ร่างกาย และหลังจากวิ่งเสร็จก็ควรค่อยๆ ดื่มน้ำประมาณ 450-500 มล.หรือปริมาณที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน เพื่อเติมน้ำและเกลือแร่ให้แก่ร่างกายที่สูญเสียน้ำไป

สามารถอ่านอาหารที่ควรรับประทานก่อนวิ่งและหลังวิ่งได้ที่ แนะนำ 8 อาหารที่ควรรับประทานก่อนวิ่งและหลังวิ่ง 

5.อย่าลืมวอร์มอัพและคูลดาวน์

ภาพจาก fitbit

แม้ว่าจะเป็นการวิ่ง Virtual Run แต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากการวิ่งมาราธอน ถึงแม้ว่าเราจะสามารถทยอยส่งผลการวิ่งได้เรื่อยๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว Virtual Run คือการวิ่งที่อิงจากงานมาราธอน ในเรื่องของระยะทาง ซึ่งใน 1 วันนักวิ่งก็ต้องวิ่งระยะทางที่เยอะเช่นเดียวกันกับงานมาราธอนนั่นเอง

ดังนั้นเตรียมตัวก่อนวิ่ง ในทุกๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอนหรือ Virtual Run การวอร์มอัพ (Warm Up) เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อยืดเส้นยืดสาย สร้างความอบอุ่น วอร์มก่อนวิ่ง เสมือนสัญญาณเตือนร่างกายว่า จะเริ่มออกแรงวิ่งแล้วนะ

ส่วนคูลดาวน์ (Cool Down) หลังวิ่งเสร็จแล้ว ช่วยให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ อาจเริ่มตั้งแต่ชะลอความเร็วลงเมื่อใกล้ถึงเส้นชัย จากนั้นเดินต่อช้าๆ อีกสักพัก แกว่งแขน บิดสะโพกอีกเล็กน้อย จนเหงื่อแห้งแล้วจึงอาบน้ำ ดังนั้นอย่าลืมที่จะวอร์มอัพและคูลดาวน์อย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย

6.ตั้งเป้าหมายในการวิ่ง

ภาพจาก runnersworld

นักวิ่งควรตั้งเป้าหมายแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะวิ่ง 1-2 กิโลเมตรต่อสัปดาห์สำหรับมือใหม่ ไม่ต้องเร่งรีบในการวิ่งให้จบ เพราะ Virtual Run นั้นสามารถทยอยส่งผลการวิ่งได้ ไม่จำเป็นต้องวิ่งให้จบภายในครั้งเดียว ดังนั้น นักวิ่งไม่จำเป็นต้องหักโหมในการวิ่งจนเกินไป เพราะมันอาจส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการวิ่งของเรานั้นลดลงอีกด้วย การวิ่งให้พอดีกับที่ร่างกายและกล้ามเนื้อเรารับไหวจะช่วยป้องกันกล้ามเนื้อล้าและภาวะบาดเจ็บจากการวิ่งได้อีกด้วย

สรุปทั้งหมด

นี่ก็คือ 6 วิธีเตรียมตัวก่อนวิ่ง Virtual Run เบื้องต้น แต่ยังมีบางอย่างที่ควรจะจำไว้ให้ขึ้นใจ นั่นก็คือ Virtual Run เป็นการแข่งกับตัวเอง เราไม่มีกองเชียร์ และบรรยากาศที่จะมาคอยปลุกเร้าในการแข่งขัน ดังนั้นเราต้องคอยกระตุ้นตัวเองให้วิ่งตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 

และสุดท้ายคือเลือกช่วงเวลาที่ลงตัว การวิ่งแบบ Virtual Run ทำให้เราสามารถวางแผนให้เข้ากับตารางการซ้อมและตารางเวลาส่วนตัวได้ ดังนั้นเมื่อมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นก็ควรหยุดพัก ไม่จำเป็นต้องฝืนวิ่ง เพราะมันอาจจะส่งผลทำให้เราต้องบาดเจ็บจนอาจกลายเป็นอาการบาดเจ็บเรื้อรังอีกด้วย

สำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์วิ่งแบบ Virtual Run สามารถดาวน์โหลดและทดลองเล่นชาเลนจ์จากทาง WIRTUAL ได้ที่ WIRTUAL