การวิ่งนั้นก็เหมือนกีฬาประเภทอื่นๆโดยทั่วไปที่ต้องมีการพัฒนาเทคนิคอยู่เสมอ เพื่อเป็นการพัฒนาตัวเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องทักษะสกิลต่างๆ หรือจะทางด้านร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ซึ่งหากอยากให้เป้าหมายเป็นไปอย่างที่ตั้งไว้ก็ควรจะฝึกฝนให้มากพอ
คนส่วนใหญ่หากไม่ได้เป็นผู้ที่วิ่งออกกำลังกายอยู่แล้ว โดยเผินๆเขาก็จะรู้จักกันเพียงแค่วิ่งมาราธอนทั่วไป แต่นอกเหนือจากนั้น คือคนที่เป็นนักวิ่งอยู่แล้วหรือนักวิ่งมือใหม่ ก็อาจจะรู้จักการวิ่งอย่างอื่น เช่น วิ่งมาราธอน วิ่งเทรล ซึ่งล้วนแต่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ที่ไม่เคยได้ยินและไม่รู้จักการวิ่งที่ชื่อว่า Barefoot Running หรือเรียกว่า (การวิ่งเท้าเปล่า) เลยด้วยซ้ำ
ย้อนไปในวัยเด็กที่ได้วิ่งเล่นไล่จับกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ โดยการวิ่งนั้นจะเป็นการวิ่งเท้าเปล่า หรือไม่ก็เตะบอลด้วยเท้าเปล่าและได้เกิดอาการบาดเจ็บต่อการเล่นเหล่านั้นด้วย ซึ่งในวัยเหล่านั้นเราก็คงไม่ได้กังวลว่าจะต้องเกิดอาการบาดเจ็บใดใดเลย โดยเริ่มเล่นจากอวัยวะที่เรามีไม่ต้องมีอะไรมาเติมแต่ง
พอมองในด้านออกกำลังกายหลายคน คงมองว่าแปลก และดูทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย จึงทำให้ภาพลักษณ์ที่มีต่อคนที่มองหรือได้ยินเกิดความคิดที่ว่า รองเท้าดีๆก็มีจะวิ่งเท้าเปล่าไปทำไม จึงไม่ได้เป็นที่สนใจมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ให้ความสนใจและนิยมการวิ่งเท้าเปล่าเช่นกัน ทีนี้เรามาดูกันว่า การวิ่ง Barefoot Running นั้นจริงๆแล้วเป็นยังไงบ้าง มีข้อดีข้อเสีย แล้วส่งผลอย่างไรต่อนักวิ่งบ้าง ในบทความนี้
การวิ่งแบบ Barefoot Running ก็มีมายาวนานแล้วเช่นเดียวกับการวิ่งในรูปแบบอื่น ๆ แต่อาจจะไม่เป็นที่รู้จักกันมากพอ หรืออาจจะไม่ตอบโจทย์ต่อนักวิ่งในส่วนใหญ่ คงเพราะรูปแบบการวิ่งที่เรียกว่า การวิ่งในรูปแบบธรรมชาติ (การวิ่งเท้าเปล่า) ซึ่งหลายคนที่ได้มองเข้ามาจะเห็นว่าแปลกในสายตาคนอื่น และดูอันตรายบาดเจ็บได้ง่าย
สรุปง่ายๆก็คือ การวิ่ง Barefoot Running คือการวิ่งเท้าเปล่า หรือการวิ่งตามธรรมชาติของร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่ามุมมองทั้ง 2 รูปแบบของคนโดยทั่วไป จะมีมุมมองที่ว่า ได้ประโยชน์และสร้างภูมิต้านทานได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกมุมหนึ่งก็คือด้านสุขภาพที่แย่ และหวาดกลัวที่จะเริ่มการวิ่งแบบนี้
แต่ก็มีรองเท้าสำหรับการวิ่งเท้าเปล่าเช่นกัน ที่เรียกว่า “รองเท้าหนังนิ่ม” หรือที่เห็นๆกันในรูปแบบที่มีเป็นนิ้วสวมใส่ตามนิ้วของเราเป็นเหมือนเท้าของเราจริงๆ ซึ่งเหมือนเป็นหนังบางๆ มากั้นเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่ายจากสิ่งต่างๆบนพื้น เช่น ก้อนหิน เศษแก้ว เป็นต้น
ต่อให้มีรองเท้าหนังนิ่มที่มาเป็นตัวช่วยในการเลี่ยงการเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย สายตาที่ผู้คนมองมาก็ยังคงมองว่ารองเท้านั้นทรงแปลกประหลาดอยู่ดี หรือต่อให้ใครได้เริ่มวิ่งแล้วจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สามารถเริ่มได้เลย ซึ่งต้องเริ่มให้ถูกวิธี
โดยการเริ่มต้นการวิ่งเท้าเปล่านั้น ต้องเริ่มจากการเดินเท้าเปล่าเสียก่อน เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้รับการเปลี่ยนแปลง และได้ปร้บตัวกับการที่คุณได้ใส่รองเท้ามาตลอดในทุกวิถีชีวิตประจำวัน ทีนี้เรามาดูกันว่าการวิ่งแบบ Barefoot Running มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง
การวิ่งเท้าเปล่าซึ่งเป็นวิถีดั้งเดิมของมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณก่อนที่จะมีรองเท้าในการสวมใส่ ซึ่งสมัยโบราณนั้นมนุษย์ไม่ใส่รองเท้าจึงได้คุ้นชินกับการเดินหรือวิ่ง โดยรู้จังหวะในการลงจังหวะเท้า เมื่อได้รับการคุ้นชินที่มากพอ ก็จะมีการปรับสมดุลการวิ่งที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งได้เริ่มเป็นกิจกรรมงานวิ่งและเป็นที่รู้จักของกลุ่มคนที่ชื่นชอบจริงๆในที่สุด
สิ่งเริ่มต้นที่ทำให้ Barefoort Running เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น จากนักวิ่งท่านหนึ่งที่มีชื่อว่า Abebe Bikila ได้เข้าร่วมแข่งขันงานวิ่งมาราธอนในปี 1960 แล้วงานวิ่งนั้นได้มีการแจกรองเท้า ปัญหาก็คือรองเท้าที่แจกไซส์ที่ตรงกับของเขาเองนั้นดันหมด มีหนทางเดียวที่จะวิ่งได้คือเขาต้องวิ่งเท้าเปล่า ซึ่งคนอื่นในงานวิ่งนั้นก็ใส่รองเท้ากันหมด
และผลลัพธ์ที่เขาสามารถทำได้ในงานวิ่งนั้นคือ เขาเป็นผู้ชนะอันดับ 1 โดยวิ่งจากเท้าเปล่า ในปีเดียวกันนั้นก็ยังมีนักวิ่งชาวอังกฤษชื่อว่า Bruce Tulloh ผู้คลั่งไคล้ในการแข่งวิ่งก็ได้มีประสบการณ์ไปแข่งตามงานวิ่งมาอย่างมากมาย จนกระทั่งในปี 1962 ในงาน European Games เขาได้รับรางวัลเหรียญทองการวิ่งเท้าเปล่าในระยะ 5,000 เมตรมาจนได้
หลังจากนั้นก็มีคนเริ่มสนใจในการวิ่งเท้าเปล่ามากขึ้น แต่ก็ต้องบอกว่าการวิ่งเท้าเปล่านั้นจะเป็นแบบเฉพาะทางจริงๆ ซึ่งถ้าใครไม่ชื่นชอบหรือไม่ได้ทดลองเองจริงๆ ก็คงจะไม่ชอบใจ และในต่อๆมามีงานวิ่งมากมายที่จัดวิ่งแบบเท้าเปล่า และบางคนถึงขั้นใช้เป็นการวิ่งในชีวิตประจำวันเลยด้วยซ้ำ
แต่ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศหรือในประเทศไทย คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเลี่ยงการวิ่งเท้าเปล่า เพราะด้วยเทคโนโลยีการออกแบบของรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่งโดยเฉพาะได้มาช่วยซัพพอร์ทป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บและยังรู้สึกนุ่มสบายในการวิ่งด้วย จึงทำให้คนมองข้ามสิ่งนี้ไปนั่นเอง
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มีผลออกมาอย่างชัดเจนว่ามีผลประโยชน์หรือมีความเสี่ยงอย่างไรทางด้านร่างกายจริงๆ เราจึงนำความเป็นไปได้ และประสบการณ์การการวิ่งที่เกิดขึ้นจริงมาแนะนำและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ดังนี้
ข้อดี
-นึกภาพที่เราได้ไปเที่ยวทะเลแล้วถอดรองเท้าเหยียบทรายริมหาดนุ่มๆ ก็เหมือนกับการวิ่งที่ได้สัมผัสกับพื้นผิวได้อย่างธรรมชาติ
-รู้สึกอิสระไม่รู้สึกบีบรัดหรือรู้สึกเหมือนถุงครอบคลุมอยู่โ ซึ่งบางคนรู้สึกอึดอัดจากการใส่รองเท้า
-เมื่อวิ่งจนคุ้นชิน จะสร้างภูมิต้านทานให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น หลังจากนั้นจะเกิดอาการบาดเจ็บได้ยาก
-รู้สึกสนุกเหมือนได้ย้อนวัยเป็นเด็กอีกครั้ง
ข้อเสีย
-แรกเริ่มใช้เวลาเดินเท้าเปล่านานหลายสัปดาห์เพราะถ้าไม่ทำตามวิธีที่ถูกต้องร่างกายจะปรับไม่ทัน เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย
-ระหว่างทางหากเจอ ก้อนหินหรือเศษแก้วต่างๆ ทำให้เกิดอุบัติเหตุขั้นร้ายแรงได้
-รองเท้าสำหรับ Barefoot Running หายากและราคาสูง
-แปลกประหลาดจากสายตาคนมอง ด้วยรูปทรงรองเท้าเฉพาะของ Barefoot หรือจะวิ่งเท้าเปล่า
หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะเริ่มวิ่ง Barefoot Running แนะนำว่าให้ใจเย็นๆ ค่อยๆเริ่มนะครับ เพราะการเริ่มวิ่งเท้าเปล่านั้น เหมือนการเริ่มต้นวิ่งใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะการที่เราคุ้นชินกับการใส่รองเท้ามานานโดยตลอด ร่างกายจะคุ้นชินกับสภาพเดิมๆ ดังนั้นให้เริ่มจากเดินเป็นระยะหลายสัปดาห์ก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพและให้กล้ามเนื้อได้สร้างความแข็งแรงในรูปแบบใหม่ขึ้นมาครับ